ชนิดของปลาทอง
ปลาทองหัวสิงห์
เป็นปลาทองสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะเด่นคือ จะไม่มีกระโดงหลัง เป็นปลาทองที่มีราคาค่าตัวสูงมากเหมือนกันเลย ปัจจุบันที่เป็นที่ต้องการของตลาดมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือสิงห์จีน และสิงห์ญี่ปุ่น สิงห์จีนมีลักษณะเด่นคือ จะมีวุ้นเยอะ ส่วนสิงห์ญี่ปุ่นจะมีหลังที่โค้งมนน่าดูกว่า และมีวุ้นส่วนหัวน้อยกว่า แต่จะมีวุ้นส่วนแก้มที่เค้าเรียกว่าเคี่ยว หรือตามที่ตลาดเค้าเรียกว่าหน้ารันชู
ปลาทอง ออรันดาห์
เป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะพึ่งเลี้ยงปลามานานแล้ว หรือพึ่งจะมาหัดเลี้ยง เพราะสายพันธุ์ออรันดาห์นี้เป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นปลาที่มีนํ้าอดนํ้าทนสูง ว่ากันง่ายๆก็คือตายยาก จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ก็คือมีวุ้นเยอะ หรือที่เค้าเรียกว่าหัววุ้น แต่จะแตกต่างกับสิงห์ก็คือ สายพันธุ์นี้จะมีกระโดงหลัง
ปลาทอง ลักเล่ห์
น่ารักดีนะสำหรับปลาตัวดำๆตาโปนๆ ซึ่งมีชื่อว่าลักเล่ห์จุดเด่นของปลาสายพันธุ์นี้ก็คือ ตาของเค้านั่นไงดูซิมันโปนออกมามากเลยครับ ปัจจุบันนี้มีหลายสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์อูฐ , เล่ห์ควาย(ตัวยาวๆ), เล่ห์ห้าสี และเล่ห์นากเล่ห์อูฐ..ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ที่ส่วนหลังของจะโหนกเป็นสันขึ้นมา เล่ห์ควาย.. ตัวเค้าจะยาวใหญ่มาก เล่ห์ห้าสี..จะมีสีสันที่แปลกไปก็คือ จะมีสีแต้มตามตัวทั้งห้าสีเลยและสุดท้าย .. เล่ห์นากจะมีสีที่แปลกไป
ปลาทอง ริวกิ้น
เป็นสายพันธุ์ที่สวยอีกสายพันธุ์หนึ่งนะ จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ก็คือส่วนหลัง จะมีโหนกสูงสวยเชียวถ้าสังเกตดีๆนะ จะเห็นว่าคล้ายคลึงกันลักเล่ห์อูฐนะครับ เพราะว่าเล่ห์อูฐนั้น ได้ผ่านการผสมข้ามสายพันธุ์กันริวกิ้นนั่นเอง
ปลาทอง เกร็ดแก้ว
เกร็ดแก้วเป็นปลาทองสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองไทย มีรูปร่างอ้วนกลมอย่างที่เห็น ถ้าสังเกตที่เกร็ดของเค้าจะดูเหมือน…สวยดี แปลกดีด้วย
การเลือกซื้อปลาทอง
- มีส่วนหัว ลำตัว และหางที่สมส่วนกัน เวลาว่ายน้ำส่วนหัวไม่ทิ่มลงพื้นหรือว่ายหงายท้อง
- สีสันสดใส เกล็ดเรียงเป็นระเบียบสวยงาม
- สุขภาพดี ดูได้จากการว่ายน้ำไปมาตามธรรมชาติ ไม่ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำหรือลอยคอผิวน้ำเกือบตลอดเวลา
- สำหรับปลาหัวสิงห์ หลังของปลาจะต้องโค้งสวย ไม่มีปุ่มบนหลังหรือหลังปลาบุ๋มลงไป
- ครีบและหางของปลาไม่พันงอหรือขาด ครีบมีลักษณะเท่ากัน เวลาว่ายน้ำ ครีบเบ่งบานสวยงาม ไม่ลู่
- รูปทรงของปลาต้องมีลักษณะด่นเฉพาะปลาแต่ละชนิด เช่น ถ้าซื้อปลาสิงห์ต้องไม่มีครีบบนหลัง
- ซื้อปลาจากร้านที่ขายประจำถาวร ไม่ใช่แผงลอย ดังรายละเอียดในภาพ
แม้ว่าปลาทอง จะเป็นปลาสวยงามที่เลี้ยงไม่ยาก แต่หลายต่อหลายคนก็อกหักจากการเลี้ยงปลาทองมาแล้วไม่น้อย เนื่องจากปลาทองจัดเป็นปลาที่ตายได้ง่าย ๆ หากไม่รู้วิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้อง และวันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลี้ยงมาฝากกัน
ในการเลี้ยงปลาทองให้สุขภาพแข็งแรง และมีสีสันสดใส จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่สถานที่เลี้ยง และภาชนะที่ใช้เลี้ยง โดยทั่วไปนิยมเลี้ยงในตู้กระจกใส และอ่างซีเมนต์ หากเลี้ยงในตู้กระจกควรเลือกขนาดที่มีความจุของน้ำอย่างน้อย 40 ลิตร ใช้เลี้ยงปลาทองได้ 12 ตัว แต่ถ้าเลี้ยงในอ่างซีเมนต์ ต้องคำนึงถึงแสงสว่าง ควรเป็นสถานที่ไม่อับแสง และแสงไม่จ้าจนเกินไป ทั้งนี้ ควรใช้ตาข่ายพรางแสง ประมาณ 60% ปิดปากบ่อ ส่วนสภาพของบ่อเลี้ยงควรสร้างให้ลาดเอียง เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
แนะนำว่าควรให้อาหารสำเร็จรูป วันละ 1-2 ครั้ง โดยการให้แต่ละครั้งไม่ควรมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ปลาทองอ้วน และเสี่ยงตายได้ เนื่องจากปลาทองค่อนข้างกินจุ ดังนั้นอย่าตามใจปากปลาทอง ส่วนอาหารเสริมอย่างลูกน้ำและหนอนแดง สามารถให้เสริมได้โดยดูความอ้วนและความแข็งแรงของตัวปลา ลักษณะปลาที่ตัวใหญ่หรืออ้วน สังเกตได้จากบริเวณโคนหางจะใหญ่แข็งแรงและมีความสมดุลกับตัวปลา และเมื่อมองจากมุมด้านบนจะสังเกตเห็นความกว้างของลำตัวอ้วนหนาและบึกบึน ขณะที่สีบนตัวปลาจะต้องมีสีสดเข้ม
น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด น้ำประปาที่ใช้เลี้ยงต้องระวังคลอรีน ควรเตรียมน้ำก่อนนำมาใช้เลี้ยงปลาทุกครั้ง โดยเปิดน้ำใส่ถังเปิดฝาวางตากแดดทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนระเหย หรืออาจติดตั้งเครื่องกรองน้ำใช้สารเคมีโซเดียมไธโอซัลเฟตละลายลงในน้ำ มีคุณสมบัติในการกำจัดคลอรีน แต่ควรดูสัดส่วนในการใช้ เพราะสารเคมีพวกนี้มีผลข้างเคียงต่อปลาหากใช้ไม่ถูกวิธี
ปลาทองส่วนใหญ่เคยชินกับสภาพน้ำที่ต้องมีออกซินเจน ดังนั้น อย่างน้อยในภาชนะเลี้ยงต้องมีการหมุนเวียนเบา ๆ ไม่ว่าจะผ่านระบบกรองน้ำ น้ำพุ น้ำตก หรือปั๊มน้ำ เพราะการหมุนเวียนของน้ำ เป็นการทำให้เกิดการเติมออกซิเจน และปลาทองขนาดใหญ่ย่อมต้องการออกซิเจนมากกว่าปลาเล็ก ส่วนเรื่องอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมคือ 28-35 องศาเซลเซียส แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาอุณหภูมิของน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว หากซื้อปลาบรรจุถุงมา เวลาจะปล่อยปลาลงในอ่างเลี้ยง ควรแช่ถุงลงในอ่างเลี้ยง 10-15 นาที เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำในถุงกับในอ่างถ่ายเทเข้าหากันจนใกล้เคียงกัน แล้วค่อยปล่อยปลาลงไป
ใส่ความเห็น